4 มีนาคม 2556


เรียนภาษาไทยอย่างไรให็เก่ง

        เมื่อทุกคนลืมตามาดูโลก ก็จะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่จนเติบใหญ่ย่างเข้าสู่วัยเรียน พฤติกรรมของคนที่แสดงออกมาก็คือความอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่งทุกอย่างที่ เกิดขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของตนเอง ตามสภาพแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมจากโลกเล็ก ๆ ไปสู่โลกที่กว้างขึ้น ซึ่งในก้าวแรกที่จะต้องเผชิญก็คือการเรียน ทำให้เราได้พบกับผู้คนต่างฐานะ   ต่างระดับจากนั้นก็จะมีการศึกษาผู้คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับสังคมได้  เมื่อเข้าสังคมได้แล้วก็ต้องหันมาสู่การเรียน เพื่อให้เกิดความรู้  ความรู้ที่ได้ก็คือการอ่านออก เขียนได้  คิดเป็น  ทำเป็น  แก้ปัญหาเป็น และช่วยชีวิตของตนเองให้ก้าวเดินไปในโลกใบนี้ได้อย่างปลอดภัย ไร้อุปสรรค การศึกษาที่เล่าเรียนมาก็จะนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ ทำให้มีอาชีพที่มั่นคง  ดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข

        ปัจจุบันวิชาภาษาไทยไม่เป็นที่สนใจของนักเรียนเท่าที่ควร   ดูได้จากผลการสอบ NT  ระดับประเทศอยู่ในระดับต่ำ       จึงจำเป็นต้องพัฒนากระบวนการเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนให้มีนิสัยรักการ เรียนและเรียนภาษาไทยได้ดีขึ้ ได้มีผู้โพสในเว็บบอร์ดของ board.dserver.org เช่นน้าไผ่ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเรียนภาษาไทยให้เก่งดังนี


            ๑. อ่านอย่างตั้งใจ
            ๒. อ่านไปสักย่อหน้ายาวหรือสองย่อหน้าสั้นแล้วรำลึกว่าที่อ่านไปแล้วพูดถึง เรื่องอะไร สันนิษฐานเองล่วงหน้าว่า      ทีเหลือน่าจะกล่าวถึงอะไรเขียนทายไว้ก่อนเป็นคำ ๆ ก็ได้
            ๓. ลืมตา อ่านต่อไปจนจบ ค้นดูว่า ที่เราสันนิษฐานไว้ มีปรากฏ อยู่ในตอนต่อ ๆ ไปที่เหลือของเรื่องนั้นหรือไม่
            ๔. ถ้าไม่พบสิ่งที่สันนิษฐานไว้ให้ทบทวนใหม่อีกรอบว่าที่อ่านมาแล้วกล่าวถึง เรื่องอะไรบ้าง เขียนประเด็นสำคัญ ๆ   ที่นึกได้มาตรวจสอบอีกครั้งว่ายังขาดตกในเรื่องอะไรบ้าง ทำเช่นนี้ไปจนได้ครบทุกประเด็น
            ๕. นำศัพท์ที่แปลกใหม่  สังเกตตัวสะกด  การันต์   วิเคราะห์ดูว่าศัพท์ตัวนี้สามารถแยกออกเป็นคำสองสามคำที่มีความหมายหรือไม่ รวมกันแล้วน่าจะแปลว่าอะไร สันนิษฐานเองก่อนโดยนำประโยคหรือย่อหน้ามาพิจารณาประกอบว่า          ถ้าแปลว่าอย่างนั้นแล้ว ความหมายมันจะขัดแย้งกับใจความในประโยคหรือย่อหน้าอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้าขัดแย้งลองปรับ    คำแปลใหม่  จนรู้สึกว่าไม่ขัดแย้งแล้ว เปิดพจนานุกรมตรวจสอบดูว่าเราจะแปลใช้ได้ไหม ถ้าตรงกับที่เราแปลอยู่ด้วย ก็ให้ยิ้มได้เลย
            ๖. เขียนประโยคหรือข้อความใหม่ที่ประกอบด้วยศัพท์คำนั้น เทียบกับประโยคที่มีอยู่ว่าจัดวางคำศัพท์ไว้ได้ถูกต้องตามตำแหน่งที่ควรหรือ ไม่
            ๗. ถ้าเป็นฉันทลักษณ์ ก็สังเกตจำนวนคำ จำนวนวรรค คำสัมผัส ในบทประพันธ์บทเดิม แล้วลองแต่งของตัวเองดูบ้าง
        ถ้ามีประโยคยาว ๆ ลองหัดแยกดู ว่าจะสามารถแยกออกเป็นสองสามประโยคหรือไม่ ถ้าแยกได้ ประโยคไหนน่าจะทำ
หน้าที่เป็นประโยคหลัก ประโยคไหนทำหน้าที่เป็นส่วนขยายของอีกประโยคหนึ่ง ลองหัดแต่งประโยคยาว ๆ แบบนั้นดูเองบ้าง
       
 จากที่กล่าวข้างต้น   ยังมีปัจจัยอื่นอีกที่จะช่วยให้นักเรียนเรียนภาษาไทยให้เก่งได้  โดยตนเอง มีความขยันใฝ่เรียนรู้     อยู่แล้ว ผู้ปกครองก็ต้องคอยดูแล เอาใจใส่  สนับสนุน ให้กำลังใจในการฝึกฝนให้เด็กอ่านหนังสือ  ทำการบ้านอยู่เสมอ          จะเป็นการช่วยสร้างนิสัยการรักการอ่านให้แก่เด็ก  ผลที่เกิดแก่เด็กก็คือสามารถคิดวิคราะห์  สังเคราะห์เรื่องที่อ่านได้  อันจะนำไปสู่การเรียนรู้วิชาอื่น ๆ อีกด้วย ด้านครูผู้สอนก็ใช้สื่อนวัตกรรมที่หลากหลาย น่าสนใจ ชวนติดตาม เป็นการยั่วยุให้เด็กเรียนสนุกไม่เบื่อที่จะเรียนนอกจากนี้ก็ยังมีเพื่อนที่ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันอันจะนำไปสู่ความสำเร็จในการเรียนภาษาไทย  ให้เก่งได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น